ความร่วมมือไทย-จีน : สอศ.ร่วมกับศูนย์การศึกษาและความร่วมมือด้านภาษาระหว่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการจีน เตรียมจัดตั้งสถาบันอาชีวศึกษาไทย-จีน Created by pradmin on 18/12/2563 15:35:38
ความร่วมมือไทย-จีน : สอศ.ร่วมกับศูนย์การศึกษาและความร่วมมือด้านภาษาระหว่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการจีน เตรียมจัดตั้งสถาบันอาชีวศึกษาไทย-จีน
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) โดยนายมณฑล ภาคสุวรรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ร่วมกับศูนย์การศึกษาและความร่วมมือด้านภาษาระหว่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดย ศาสตราจารย์ ดร.หม่า เจี้ยนเฟย ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาและความร่วมมือด้านภาษาระหว่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ สาธารณรัฐประชาชนจีน (Prof. Dr. Ma Jianfei, Director General, Center for Language Education and Cooperation) ลงนามความร่วมมือเพื่อยกระดับและพัฒนาการอาชีวศึกษาและฝึกอบรมวิชาชีพ และความสามารถทางภาษาจีน โดยมีสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เจ้าคณะใหญ่กลางกรรมการมหาเถรสมาคมและประธานคณะกรรมการสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหม ทางทะเล ลงนามพยาน ณ ห้องประชุม 5 สอศ.

นายมณฑล ภาคสุวรรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ โดยกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปการอาชีวศึกษาอย่างเป็นระบบและกำหนดกรอบภารกิจ เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนด้านอาชีวศึกษาให้มีความสอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและเทคโนโลยีของประเทศทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ จึงได้ร่วมกับศูนย์การศึกษาและความร่วมมือด้านภาษาระหว่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ สาธารณรัฐประชาชนจีน จัดตั้งสถาบันอาชีวศึกษาไทย – จีน ซึ่งจะมีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนการสอน การใช้ภาษาและวัฒนธรรมจีน ให้สถานศึกษาในสังกัด ส่งเสริมสนับสนุนการศึกษา และการวิจัยอย่างมีคุณภาพและได้มาตรฐาน เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการพัฒนากำลังคนเข้าสู่เขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) และภูมิภาคอาเซียนเชื่อมโยงการพัฒนาเข้ากับโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One Belt One Road) โดยผู้สำเร็จอาชีวศึกษาจะมีความสามารถในการใช้ภาษาจีนมีสอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการที่เข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC) จากการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตลอดจนนักศึกษาอาชีวศึกษา ผู้บริหาร ครู และบุคลากรได้เรียนรู้วัฒนธรรม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความเข้าใจและมิตรภาพอันดีของทั้งสองประเทศต่อไป
ด้านสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เจ้าคณะใหญ่กลางกรรมการมหาเถรสมาคมและประธานคณะกรรมการสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล กล่าวว่า อาตมภาพขอแสดงความยินดีกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และศูนย์แลกเปลี่ยนและส่งเสริมความร่วมมือด้านภาษาจีนระหว่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ได้ลงนามความร่วมมือในการจัดตั้งสถาบันอาชีวศึกษาไทย-จีน และขอบคุณ ศาสตราจารย์ ดร.หม่า เจี้ยนเฟย ผู้อำนวยการศูนย์แลกเปลี่ยนและส่งเสริมความร่วมมือด้านภาษาจีนระหว่างประเทศ ที่ได้สนับสนุนและผลักดันให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วง สถาบันอาชีวศึกษาไทย-จีนที่กำลังจะเกิดขึ้นในครั้งนี้นับได้ว่าเป็นนวัตกรรมความร่วมมือในรูปแบบ“ภาษาจีน+ทักษะวิชาชีพ” ในโลกสมัยใหม่นี้ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้วิทยาลัยอาชีวศึกษาและวิสาหกิจจีน-ไทยร่วมมือการผลิตบุคลากรและการพัฒนานำเทคโนโลยีวิชาชีพสมัยใหม่ตลอดจนการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนภาษาจีนในวิทยาลัยอาชีวศึกษาไทยให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล และจะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนความร่วมมือระหว่างโครงการ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (One Belt One Road) ของสาธารณรัฐประชาชนจีน และโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ภายใต้ยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 ของประเทศไทย ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวมีบริษัทของผู้ประกอบการชาวจีนไปลงทุนเป็นจำนวนมากไม่น้อยกว่า 120 บริษัทและประเทศไทยเป็นจุดศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียนสามารถเชื่อมโยงกับทุกประเทศได้อย่างสะดวก ประการสุดท้าย เป็นการส่งเสริมความร่วมมือของประชาชนทั้งสองประเทศดังคำกล่าวที่ว่า “จีนไทยมิใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ให้มีสัมพันธภาพแน่นแฟ้นยิ่งๆ ขึ้นไป
ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.หม่า เจี้ยนเฟย กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ในการจัดตั้งสถาบันอาชีวศึกษาไทย-จีน อยู่ในระหว่างการจัดทำข้อสรุป และหารือร่วมกันในลำดับต่อไป อย่างไรก็ตามเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการกำลังคน และตอบโจทย์โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ภายใต้ยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 ของประเทศไทย พื้นที่ในการจัดตั้งสถาบันอาชีวศึกษาไทย-จีน ก็จะเป็นพื้นที่ในเขต EEC
/////////////////////////////////////////////////////////////////////
กลุ่มประชาสัมพันธ์/ 18 ธันวาคม 2563
